มีใครไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะเรียนที่บ้านเหมือนเราบ้างงง ( homeschooled kid :3 ) มันก็เลยทำให้อยากรู้ว่า ถ้าไปโรงเรียน มันจะเป็นยังไงนะ
เราก็ต้องทำการศึกษาค่ะ
รายงานชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา ศึกษาชีวิตไฮสคูล หน่วยกิจ0.3 จำนวนชั่วโมง.......100..หรือ 200 นะ?
เอาไว้ดูเพลินๆสำหรับช่วงวันหยุดที่จะถึงนี้ละกันเนาะ พยายามเอามาหลายๆแนว ความจริงมีเยอะมาก เยอะเกินไป เลยเอามาแค่นี้ก่อน หวังว่าจะชอบกันน้าา
10 Things I Hate About You
มาเริ่มจากหนังที่ใครจะไม่รักได้ไง มันเก่านะ กาลเวลาบ่งบอกถึงแฟชั่นมาก 55 ถ้าคุณไม่ชอบคู่หลัก
คุณก็จะชอบคู่รอง แต่คุณก็จะกลับไปชอบคู่หลักอยู่ดีนั่นแหละ เพราะคุณจะแพ้เวลาผู้ชายร้องเพลงให้ ชอบความบากบั่นของผู้ชายเรื่องนี้มาก มันมีทั้งจุ้นทั้งน่ารักน่าเตะปนๆกันไป ถ้าได้ไปโรงเรียนจะทำให้มีคนมาจีบแบบนี้หรอเนี่ย ว้าว ไม่ก็โดนมาหลอกว่าจีบแต่ความจริงก็จีบจริงแบบนี้หรอเนี่ย ว้าว...งง
เรื่องนี้ทำให้รู้จัก Joseph Gordon-Levitt เลยตามไปกรี๊ดฮีต่อใน 500 days of summer
She's The Man เป็นหนังที่ดูหลายรอบมาก รักมาก ในโปสเตอร์อธิบายเนื้อเรื่องได้ดีมากด้วย สปอยล์มาซะหมดแล้วแต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ผูกตัวละครได้เก่งมาก และนางเอกเป็นผู้ชายที่โอเคนะ ไม่เหมือนบางเรื่องที่แต่งตัวเป็นผู้ชาย มันก็ยังเป็นผู้หญิงอะ แต่นางเอกเราเป็นผู้ชายที่หน้าหวานเฉยๆ ซึ่งมันปกติ แล้วชีจะปลอมเป็นผู้ชายเพื่อ? อันนี้ไปดูกันเอง คอมเมดี้ของจริงเลย ดูไปดูมาก็จะสังเกตได้ว่า สองหนุ่มนี่มาจากเรื่อง Step Up นี่นาาา ส่วนนางเอกของเราก็จะไปโผล่เรื่อง...
Easy A มี เจ๊Amanda นางเอก She's The Man ด้วย แต่ โอ้วว จำปอบ่าได้
ขออนุญาตโฟกัสที่แฟนของสไปดี้ดีกว่า (มันก็คนละเรื่องกานน) สรุปสั้นๆของประเด็นหลักเรื่องนี้คือ เต็มไปด้วยการโกหก ใช่มั้ย?? แต่ถ้าจะบอกว่าชอบนิสัยนางเอกจะผิดมั้ย แบบ ชอบที่นางเอกติดเพลงที่เปิดจากการ์ดแล้วร้องไม่หยุด ชอบที่นางทาเล็บให้หมา เรียงถั่วให้พ่อแม่อ่านเพราะกลัวน้องรู้คำหยาบ รายละเอียดพวกนี้มัน น่ารักจัง เป็นคนโกหกที่สวีทน่าคบมาก <3
High School Musical
ทั้ง3ภาคนั่นแหละ มัน เท่ มาก มาก เลยยย อยู่ที่ไหนก็ร้องเพลงได้อะ จะหาแบบนี้ที่ไหนได้อีก
เคยดูแต่ละภาคมากกว่าหนึ่งรอบ แต่จำเพลงในหนังไม่ค่อยได้เลย แต่มันสนุกนะ ดูแล้วยิ้มตาม น่ารักไปหมดในเรื่องความเป็นเพื่อนเป็นแฟนแม้กระทั่งศัตรู ถ้าไปโรงเรียนจะหาเพื่อนเป็นแก๊งค์งี้ ติวไปร้องเพลงไป เล่นวอลเล่ย์ก็ร้องเพลง ทำเวรในห้องก็ร้องเพลง ขึ้นรถเดือนก็ร้องเพลง (รถเดือนคือรถรับส่งนักเรียน)
Lemonade Mouth ตัวเอกทั้งห้าของเรามาพบรักกันในห้องกักบริเวณจ้า หรืออาจจะเป็นเพราะน้ำมะนาวก็ได้ เป็นเรื่องเลย หนังเรื่องนี้ชอบมากมากมาก แต่รู้สึกว่าคนจะไม่ได้รู้จักเยอะขนาดนั้น สร้างมาจากหนังสือและหนังสือมีภาคสองด้วย ทำไมหนังไม่มี! เสียใจ นิสัยแต่ละคนดูแตกต่างมากจนแปลกใจที่ความเป็นทีมเวิร์คสูงขนาดนี้ แต่ทำออกมาแล้วไม่ขัดความรู้สึกเลย เป็นหนังเกี่ยวกับวงดนตรีที่เป็น เอิ่มมม กบฏหน่อยๆ? เพราะสอนให้ทำตามผู้ใหญ่มั้ย? ไม่
ปล. เคยร้องไห้ตอนฉากติดคุก หืมม ความจริงไม่น่าจะมีใครร้องหรอก 55
Mean Girls ทำให้ตื่นเต้นเพราะนางเอกโฮมสคูลเหมือนเราเลย กรี๊ดด จากนั้นครอบครัวนางเอกก็ย้ายประเทศทำให้นางต้องไปโรงเรียน..? ทำไมเลิกโฮมสคูลนะลืมแล้ว เอาเป็นว่า นางเลยได้ประสบการณ์จากการไปโรงเรียนเนี่ยแหละ เช่นวันพุธต้องใส่สีชมพู มัดผมเป็นหางม้าได้แค่หนึ่งครั้งภายในอาทิตย์
เพื่อนที่ดีอาจจะไม่ดัง และเพื่อนที่ดังอาจจะไม่ดี หรืออาจจะดีถ้าดังไปด้วย รู้แต่ดูเรื่องนี้แล้วสนุกดี
น้อยคนที่จะไม่รู้จัก เพราะเรื่องนี้อะ ตำนานนนน พวกพลาสติกโกโกโก
Angus, Thong and Perfect Snogging ชื่อเรื่องอะไรย้าวยาว เปลี่ยนบรรยากาศวิวของบ้านเมืองและสำเนียงไปอังกฤษบ้างค่ะ เรื่องนี้คุ้นหน้านักแสดงหลายคนยกเว้นนางเอก... จากที่อ่านๆมาของรีวิวหนังมีคนบ่นเรื่องหน้าตาและนิสัยของนางเอกและที่เดือดร้อนคนดูที่สุดคือ ผู้ชายแต่ละคนที่มาชอบนางเอก อารมณ์ประมาณว่า นางไม่คู่ควร! แต่เราว่าดูไปดูมาก็น่ารักดี ชอบเวลานางเอกพยายามจะทำให้ตัวเองสวยขึ้นแต่ละที มัน.. เห้อ เอ็นดู แต่ก็เข้าใจนะ เพราะเราก็เป็น 555
Whild Child เรื่องนี้ชอบความเมกันและบริ๊ติ๊ชอยู่ด้วยกัน เดี๋ยวก็กรี๊ดนางเอก เดี๋ยวก็กรี๊ดเพื่อนนางเอก เดี๋ยวก็กรี๊ดผู้ช...ดูเอาเองละกัน ไม่ผิดหวังตรงจุดนี้แน่ 5555 เรื่องนี้เกี่ยวกับ บ้านนางเอกรวยมาก เอ้ยไม่ใช่ประเด็น นางเอกดื้อโดนพ่อจับใส่เครื่องบินพาไปอยู่โรงเรียนประจำที่อังกฤษ ก็เลยไปดื้อต่อที่อังกฤษ แต่คนอะไร ดื้อแล้วได้ดีไปหมด :P ต้องดื้อถึงได้เรียนรู้สินะ
Ice Princess ถ้าคนที่กำลังอ่านอยู่เป็นผู้ชายนี่ไม่กล้าดูเรื่องนี้แน่เลยอะ 555 ชื่อมันผู้ยิ้งงงผู้หญิง
เรื่องนี้ดูตั้งแต่เป็นเด็ก ดูแล้วอยากสเกตมากกก นางเอกเป็นเด็กเรียนที่ตอนแรกศึกษาหลักวิทยาศาสตร์ของการสเกต แม่ปลื้มกับความตั้งใจของลูกมาก แต่เอาไปเอามา ตัดเหลือแค่ ศึกษาการสเกต โอ๊ย อันนี้แม่ไม่ปลื้ม ชอบดูพัฒนาการตั้งแต่เริ่มจนจบค่ะ เห็นแล้วมีความหวังกับชีวิต ที่ไม่ใช่เรื่องสเกตนะ
17 Again มีนางเอกจากเรื่องเมื่อกี้มาด้วย ^
แต่ไม่มีใครสนหรอก เพราะทุกคนสนใจพระเอก
เรื่องนี้ดูมีสาระแฝงเยอะในคอมเมดี้ที่เราหัวเราะเพลินๆ
มันทำให้เรารู้ว่า ทุกปัญหาที่เกิดมีทางแก้ได้จริงๆ
ถ้าคุณย้อนเวลาได้อะนะ ตึ่งโป๊ะ 555 เกือบดีแล้วเชียว
มันไม่สำคัญหรอกว่าจะย้อนได้หรือไม่ได้ เพราะถ้าพระเอกเราไม่ฉลาดไม่สนใจไม่ใส่ใจ ย้อนไปก็แก้ปัญหาไม่ได้อยู่ดีแหละเนาะ
(เปลี่ยนแนวไวไปมั้ยนะ)
Carrie ในหนังมั่นใจว่าสวยกว่าในหนังสือค่ะ เคยอ่านหนังสือเอาซะจินตาการอีกแบบเลย
โผล่มาในหนังนี่แบบ เห้ย น่ารักขนาดนี้ยังโดนรังแก ถ้าเราไปโรงเรียนต้องโดนแบบนี้
แน่ๆเลย... แฮ่ ต่อค่ะ หนังสือเขียนโดยสตีเฟ่น คิง เพราะฉะนั้น หนังออกมาจะดาร์คก็ไม่น่าแปลกใจอะไร ถึงแม้ในหนังกับหนังสือรู้สึกว่าจะต่างกันเยอะอยู่โดยเฉพาะตอนสาวน้อยของเราอาละวาด ในหนังสือทำให้เมืองวุ่นวายมากกว่า
ลืมกันยัง จำได้มั้ย จำได้ป่าว Jennifer's Body
ช่วงนั้นพี่เมแกน จิ้งจอก ของเราดังมาก ดูเรื่องนี้ไม่ได้สนเนื้อหาเท่าไหร่ สนใจแต่ความสวย ดูแล้วหลงมากกก เป็นเรื่องที่ดาร์คๆแต่ดูเพลินๆค่ะ ไม่เครียด..? นางเอกโดน*** เลยกลายเป็น***ชอบกินของดิบๆแบบ ดิบจริงๆ เพื่อนซี้เจนนิเฟอร์ก็เริ่มกลัวค่ะ แต่ดูยังรักอยู่นะ จนเจนไป***ของนางนั่นแหละค่ะ หมดกันเพื่อนซี้ที่รัก (นักแสดงที่เป็นเพื่อนซี้เจนนิเฟอร์ก็แสดงหลายเรื่องมากมากมากมาก ดูนางเยอะมากกว่า
เมแกนอีก)
The To Do List ความจริงเป็นเรื่องที่พึ่งจบ high school เรื่องนี้ฮาๆหื่นๆไปค่ะ ใครเขินฉากไหนก็ปิดตาได้ไม่ว่ากัน นางเอกเรามุ่งมั่นไขว่คว้าหาประสบการณ์มาก ตั้งใจเรียนงี้คงได้เกรด AAA
Cruel Intentions จัดว่าหื่นมั้ยนะ?? เพราะมันดูเกิดจากการวางแผนเพื่อชัยชนะ เพราะฉะนั้น อารมณ์ต้องมาทีหลัง เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ เอ้อ หื่นด้วยแหละมั้ง เรื่องนี้คนดีหายาก คนดีก็จะเป็นฝ่ายตามไม่ทันและโดนปั่นไป คิดว่าเป็นจุดประสงค์ที่จะทำให้เห็นด้านมืดของวัยรุ่นมีตังค์ของเมกา? แค่ฉากเปิดเรื่องมาก็แสบแล้ว คติเรื่องนี้ก็จะประมาณว่า 'keep your friends close and enemies closer' สรุปวันๆเลยขลุกอยู่กะศัตรู เพื่อนอยู่ห่างๆสินะ 555 ละก็ ชอบเพลงประกอบเรื่องนี้อะ ความจริงมันมีภาคสองที่เป็นเรื่องมันจะเกี่ยวกับก่อนภาคหนึ่งด้วย ก็ทำให้เข้าใจมากขึ้นว่าทำไมนิสัยถึงร้ายกันอย่างงี้
Freaky Friday !!! กลับมาเรื่องน่ารักๆบ้างดีกว่า เรื่องนี้เมื่อก่อนชอบเห็นในทีวีตอนเช้าวันเสาร์บ่อย ละมันเป็นภาษาไทยด้วย จะมีประโยคนี้ที่จำได้ขึ้นได้ 'แม่ทำชีวิตของหนูพินาศ!' ถ้าดูคลายเครียดแนะนำดูภาษาไทยค่ะ เรื่องนี้สองแม่ลูก 'อันนี้อะ' เลยทำให้เกิดการสลับร่างกัน และระหว่างที่ยังแก้ปัญหานี้ไม่ได้
ก็ต้องแก้ปัญหาอื่นไปก่อนอย่างเช่น แม่เล่นดนตรีแทนลูก ลูกแต่งงานแทนแม่ ครอบครัวสุขสันต์ดีค่ะ
Bring It On ชื่ออังกฤษแค่นี้ ชื่อไทยคือ สาวเชียร์เท้าไฟหัวใจวี้ดบึ้ม ...ชอบคนคิดชื่อหนังที่เป็นภาษาไทยหลายเรื่องเลย เรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น เป็นหนังที่รู้สึกว่า ดูภาคภาษาไทยแล้วมันจักจี้มากเลยอะ 555
ภาคนี้บูมสุด แน่นอนค่ะ ภาคหนึ่ง นางเอกสไปเดอร์แมนเชียวนะ ละก็ มีฉากแปรงฟันน่ารักๆในตำนาน
ภาค2 3 4 5 พล็อตมันก็ค่อนข้างคล้ายกันค่ะ แข่งกันหลายทีม แต่นำเสนออย่างกะแข่งกันสองทีม ทีมอื่นเข้าฉากเพื่อตกรอบ
Princess Protection Program ชอบความ ตัว p ทั้งสามคำ
เรื่องนี้มาอยู่ในลิสต์เพราะอยากนำเสนออดีตล้วนๆเลยค่ะ สมัย Selena กับ Demi ยัง จะใช้คำว่าอะไร ..ใสๆ เอ้อ คำนี้ไง จะไปยากอะไร 555 เนื้อเรื่องก็น่ารักค่ะ เกี่ยวกับเจ้าหญิงที่ต้องลี้ภัยและปลอมตัวเป็นคนธรรมดา อยู่บ้านนอก ต้องกิน นอน ไปโรงเรียน เหมือนวัยรุ่นปกติ แต่ปัญหาคือ ปกติ ของเจ้าหญิงกับวัยรุ่นมันคนละ ปกติ กันอะ..
---------------------------------------สำหรับ 3 เรื่องสุดท้าย เตรียมทิชชู่เผื่อไว้นะ-----------------------------------------
The Last Song จะพูดยังไงดี ...คนเขียนคนนี้ หลายคนเห็นชื่อแล้วก็จะรู้ว่าแนวไหน เรื่องนี้สวยค่ะ สวย ....สวย โอย การอธิบายนี้คืบหน้ามาก 555 ชอบความซึ้งของความสัมพันธ์ในหลายตัวละคร
อธิบายน้อยงี้เลยขอแถมอีกอันของคนเขียนเดียวกันได้ปะ
A Walk To Remember ค่ะ คนเขียนเดียวกันก็จริง มีความซึ้งและสวยเหมือนกันก็จริง แต่มันคนละแบบอยู่ดี
เรื่องนี้เป็นไม่กี่เรื่องที่รู้สึกชอบหนังมากกว่าหนังสือ หนังสือมันดูรีบๆยังไงก็ไม่รู้ ดูไม่ออกว่านั่นคือชอบแล้วนะ นั่นจีบหรอ นึกว่ามนุษย์สัมพันธ์ดีกันเฉยๆ
พระเอกเป็นแบดบอย ส่วนนางเอกก็ติ๋มๆ
เป็นคนดีเกินจนคนอื่นรู้สึกว่าตัวเองเลวไปเลย ประมาณนั้น เป็นแนวติ๋มๆที่น่ารักอ่อนหวานมาก
อยากเรียบร้อยแบบนี้เป็นบ้างจัง 555
เกร็ดค่ะ Mandy Moore นางเอกคนนี้แหละเป็นคนพากย์เสียง ราพันเซล จาก Tangled
Now Is Good ตอนแรกไม่ได้หวังอะไรค่ะ
พล็อตเรื่องดูไม่แปลกใหม่ นางเอกป่วย
เหลือเวลาไม่มาก เลยอยากทำตามใจตัวเอง
แต่ จะบอกว่า ถึงไม่มีอะไรใหม่ก็จริง
แต่นักแสดงดีมากจริงๆ นำเสนอออกมาให้เข้าใจความทรมานความรู้สึกของตัวละคร
ตอนแรกคิดว่าเรื่องนี้ขยี้หัวใจเราเละแล้วนะ
เชิญพบกับเรื่องสุดท้ายค่ะ
My Sister's Keeper ความจริงหนังเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับโรงเรียนเลย แต่ตัวละครอยู่ในช่วงอายุที่ไปโรงเรียน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มีโอกาสได้ไป เป็นเรื่องที่ร้องไห้เยอะที่สุดในการดูหนังมาในทุกเรื่องแล้ว
ร้องได้เรื่อยๆในแต่ละฉากของหนัง ไม่มีช่วงไหนที่คิดว่าน่าเบื่อเลยถึงบางฉากจะทำมาให้ดูช้า แต่มันไม่ได้ช้าไปเรื่อย มันมีความหมาย เป็นเรื่องที่ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไร เขียนไม่ออก เลยกลับไปดูหนังเรื่องนี้อีกที พอดูเสร็จ จะมาเขียน ก็ไม่รู้จะเขียนอะไรอยู่ดี
เป็นเรื่องที่ต้องดูเองค่ะ แนะนำให้ดูคนเดียว ตอนมีเวลาว่างจริงๆ (: